วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

CSF,KPI : A Tool for controlling


CSF และ KPI



Critical Success Factors (CSF):
ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ
Key Performance Indicators: KPI:
ตัวบ่งชี้สมรรถนะหลัก
1.  ประวัติความเป็นมา
           เริ่มจากปี 1961 ได้มีบทความหนึ่งในนิตยสาร ฮาวาร์ดบิสเนส รีวิว โดย Ronald Daniel ใช้วลีเพื่ออธิบายว่า “เป็นปัจจัยที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดจริงๆที่ต้องมี ถ้าไม่มีแล้วจะทำให้องค์กรไม่ประสบความสำเร็จ” ต่อมาในปี 1986 Dr.John F. Rockartจากนิตยสารเล่มเดียวกัน ได้ต่อยอดว่า เดิมที CSF กำหนดไว้เฉพาะในระดับองค์กรเท่านั้น หมายถึงเป็นแค่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร ต่อมาได้วิวัฒนาการกระจายลงไปที่แผนกงานจนถึงแต่ละตัวบุคคล
1.  ประวัติความเป็นมา
          Marc J. Epstein and Jean-Francois Manzoni, (The European Institute of Business Administration, Bd. de Constance, F-77300 Fontainebleau, France, 1997) การพัฒนาองค์กรมีความผูกพันกับการแปลความหมายของคำว่าวิสัยทัศน์ และพันธกิจ ไปสู่วัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย หรือองค์กรจะสามารถบรรลุหรือเป็นไปตามพันธกิจหรือวิสัยทัศน์ได้โดยผ่านวัตถุประสงค์ ซึ่งผู้ช่วยสำคัญก็คือ กุญแจหลักสู่ความสำเร็จ (Key Success Factors: KSF) โดยการแปลความเป็นตัวเลขหรือข้อมูลเชิงปริมาณผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า (Key Performance Indicators: KPI)
2. เครื่องมือคืออะไร/มีองค์ประกอบอะไร
           ปัจจัยที่สำคัญยิ่งที่ต้องทำให้มีหรือให้เกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ หรือก็คือเป็นการให้หลักการ แนวทาง หรือวิธีการที่องค์กรจะสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ได้ แต่ละองค์กรจะมีปัจจัยแห่งความสำเร็จเป็นหลักหมาย ที่เป็นรูปธรรมในการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานทุกระดับ ให้มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้บริหารขององค์กรรู้ว่าต้องทำสิ่งใดบ้างเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ขององค์กรตอบสนองวิสัยทัศน์ หากปราศจากปัจจัยแห่งความสำเร็จแล้ว วิสัยทัศน์ขององค์กรจะไม่ได้รับการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลปัจจัยแห่งความสำเร็จเป็นเสมือนเครื่องมือ หรือวิธีการฝึกการแยกแยะและวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่จะเร่งดำเนินการให้ดีที่สุด เพื่อการบรรลุเป้าหมายการประกอบการที่เหนือกว่าในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ
องค์ประกอบของ CSF
      1.  องค์ประกอบภายนอก
      2.  องค์ประกอบภายใน
      3.  องค์ประกอบด้านเทคโนโลยี
      4.  องค์ประกอบด้านการเงิน
2.  เครื่องมือนี้คืออะไร/มีองค์ประกอบอะไร
ตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน หรือ ตัวบ่งชี้สมรรถนะหลัก หรือบางแห่งก็เรียกว่าตัวชี้วัดผลงานหลัก เป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยประเมินผลความสำเร็จขององค์กรได้ชัดเจนมากขึ้น ธุรกิจหลายแห่งมีการกำหนดตัวชี้วัดผลงานตั้งแต่ระดับองค์กร และแตกลงมาสู่ระดับฝ่าย แผนก ซึ่งตัวชี้วัดเหล่านี้ มักจะเป็นเครื่องมือในการบอกว่าหน่วยงานนั้นๆ ทำงานได้ตามเป้าหมายหรือได้ตามมาตรฐานตัวชี้วัดผลงานที่กำหนดหรือไม่ ถ้าทำได้ก็หมายความว่าผลงานของหน่วยงานนั้นเป็นที่น่าพอใจ หรือมีผลงานที่ได้มาตรฐาน แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การที่หน่วยงานจะสามารถบรรลุผลตามตัวชี้วัดที่กำหนดได้นั้น พนักงานในหน่วยงานจะต้องช่วยกันทำงานเพื่อให้หน่วยงานได้ผลสำเร็จของงานตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น พนักงานในหน่วยงานจึงจำเป็นต้องมีตัวชี้วัดผลงาน เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินผลงานของพนักงานแต่ละคนว่า ทำงานขนาดไหนจึงจะได้มาตรฐานที่กำหนด หรือสำเร็จตามเป้าหมาย
องค์ประกอบของKPI
1.  วัตถุประสงค์ (Objective) หรือผลสัมฤทธิ์ (Result)
2.  ตัวชี้วัด (Indicators)
3.  เป้าหมายหรือมาตรฐาน (Target or Standard)
4.  เกณฑ์การวัด (Criteria)
3.  เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
        1.  เพื่อบรรลุความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ขององค์กร
2.  เพื่อมีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการยึดโยงการปฏิบัติงานทุก
ระดับ และมุ่งไปในทิศทางเดียว
3.  เพื่อทำหน้าที่ชี้หรือเป็นหลักหมายสำคัญต่อบรรลุวิสัยทัศน์
วัตถุประสงค์ขององค์กร
3.  เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
1. เพื่อวัดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
2.  เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมต่อเป้าหมายขององค์กร
3.  เพื่อพัฒนาความสามารถขององค์กร และบุคคล
4.  เพื่อใช้บริหารผลตอบแทนบุคลากร
5.  เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในองค์กร
 
4.   ข้อดีและข้อเสีย
           ข้อดี :
               เป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้บริหารมีส่วนร่วม และ ให้ความ
สนใจต่อการกำหนด CSF
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
           ข้อเสีย:
                 ต้องการความร่วมมือ สูง เพราะปัจจัย หรือ หัวข้อต่าง ๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จในการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่ง ผู้บริหารควรดูแลเอาใจใส่ และ ประเมินผลความก้าวหน้าขององค์กร
4.   ข้อดีและข้อเสีย
            ข้อดี:
                 1.  มีความว่องไวในการตอบสนอง การเปลี่ยนแปลง ติดตาม และ
แสดงผล
                 2.  สามารถนำไปเพื่อการเปรียบเทียบ และประเมินได้
                 3.  มีความชัดเจน และเข้าใจได้ (ไม่กำกวม หรือคลุมเครือ)
 4.  สามารถประสานและถ่ายทอด จุดมุ่งหมายขององค์กร ไปยัง
หน่วยงาน และบุคลากรได้ในที่สุด
                  5.  สนับสนุนการประเมินอนาคต และรายงานผลในอดีต
                  6.  มีความเป็นไปได้ในการได้มา และความคุ้มค่าของข้อมูล
  7.  สามารถสะท้อนหรือเชื่อมโยงกับ ความคาดหวัง-ความต้องการ
ของลูกค้า, คุณภาพ-การควบคุม และการยกระดับคุณภาพ, ความสามารถในการแข่งขันได้ และจุดมุ่งหมายหลักขององค์กร
8.  สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับวิสัยทัศน์/พันธกิจ/กลยุทธ์
9.  วัดเป็นตัวเลขได้ แต่ถ้าจำเป็น (โดยเฉพาะในงานด้านทรัพยากร
มนุษย์) อาจใช้แค่ยืนยันได้ก็เพียงพอ
                10. สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่เหมาะสม
                11. มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนทุกตัววัด
           ข้อเสีย:
1.  ผู้บริหารขาดความมุ่งมั่นในการสร้างดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงาน
                2.  การกำหนดดัชนีชี้วัดและค่าเป้าหมายที่มี ความลำเอียง
3.  ดัชนีชี้วัดแต่ละตัวไม่อยู่บนพื้นฐานที่สามารถเปรียบเทียบกันได้
4.  ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลของดัชนีชี้วัดไม่เหมาะสมทำให้ไม่
สามารถใช้สำหรับการชี้นำหรือบ่งบอกเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดขึ้นในอนาคตได้
5. ไม่มีการนำข้อมูลที่ได้จากดัชนีชี้วัดมาประกอบการบริหารเพื่อ
ผลักดันให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
6.  ในการสร้างดัชนีชี้วัดส่วนใหญ่เน้นที่ผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ
ในการสร้างดัชนีชี้วัด
 
5.  ขั้นตอนการจัดทำ CSF
           ขั้นที่ 1 ทำการวิเคราะห์ด้านสภาพแวดล้อมภายนอก
          ขั้นที่ 2 ค้นหา CSF จากลักษณะพิเศษของธุรกิจ
           ขั้นที่ 3 คาดคะเนความได้เปรียบของการแข่งขัน
5.  ขั้นตอนการจัดทำ KPI
ขั้นที่ 1: การสร้าง KPIs Mindset ให้กับผู้บริหารและพนักงาน
ขั้นที่ 2: การจัดตั้งทีมงานผู้รับผิดชอบ
ขั้นที่ 3: การกำหนด KPIs ในแต่ละระดับ
ขั้นที่ 4: การสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลตาม KPIs ที่กำหนด
ขั้นที่ 5: การทำความเข้าใจ KPIs ที่กำหนดและขั้นตอนการเก็บข้อมูล
6.  มีใครนำเครื่องมือไปใช้บ้าง
1.  The Impact of Critical Success Factors across the             Stages of Enterprise Resource Planning Implementations: krnelson@alpha.utampa.edu: aa3808@wayne.edu. Toni M. Somers: Wayne State University and Klara Nelson: The University of Tampa.
2. Critical success factors for international education
marketing: Tim Mazzarol: Curtin Business School, Curtin University of Technology, Perth, Australia International Journal of Educational Management: 12/4 [1998] 163–175: © MCB University Press: [ISSN 0951-354X].
3.  A new framework for determining critical
success/failure  factors in projects: International Journal of Project Management Vol.14. No.3. Pp. 141-151, 1996: Walid Belassi and Oya Icmeli Tukel.
6.  มีใครนำเครื่องมือไปใช้บ้าง
   1.  Intellectual capital – defining key performance indicators for organizational knowledge assets: www.emeraldinsight.com/researchregister: Bernard Marr, Gianni Schiuma, and, Andy Neely.
    2.  การประเมินประสิทธิผลของการบริหารจัดการแบบมุ่งผลสำฤทธิ์ในโครงการชลประทานประเภทรับน้ำนอง: Kamphaengsean Acad.J. vol. 8. No. 3. 2010. Pages 26-39: วิทยาสารกำแพงแสน ปีที่ 8 ฉบับที่ 3 2553: อภินันทร์ จ่าพันดุง, บัญชา ขวัญยืน และ เจษฎา แก้วกัลยา.
    3.  Sustainability in Action: Identifying and Measuring the Key Performance Drivers: www.lrpjournal.com. Long Range Planning 34 (2001) 585-604: Marc J. Epstein and Marie-Losee Roy.


7.  กรณีศึกษา "กรมชลประทาน"









ขอบคุณที่มาของข้อมูล
 
คุณกรรณิการ์  พรจิตรสุวรรณ
 
 
 
 
 
รวบรวมโดย
นางสาวรุ่งลักษมี  รอดขำ
DBA 04 มหาวิทยาลัยศรีปทุม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น